เขาค้อ ไม่ง้อใคร #ทะเลหมอก #เขาค้อ #เขาตะเคียนโง๊ะ

         

               ทริปนี้เกิดขึ้นมาแบบไม่ตั้งใจ!!!  เมื่อไปเปิดเจอรูปหนึ่งที่มีคนโพสต์ในกลุ่ม 
"เรารักเขาค้อภูทับเบิก"กับวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น แบบ เฮ้ยยย!! อลังการมากกก 
เป็นวิวแบบ​360องศา ในใจก็คิด😝ตายๆ เราไปเขาค้อก็บ่อยแต่ไม่เคยไปที่นี่เลย พลาดมากกกกก​!!!  
ไม่ได้การละต้องรีบไปให้ได้ว่ามันอยู่ตรงไหนของเขาค้อ หลังจากตั้งสติสงบอารมณ์ หายใจลึกๆ 
ก็นึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ก็มีเวลาว่างพอดี 2-3 วัน ความคันจึงบังเกิด​!!!



ก็เริ่มหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวรถ ที่พัก พยากรณ์อากาศ อันหลังนี่สำคัญมากนะฮะ ถ้าเราจะไปสัมผัสทะเลหมอก ว่าช่วงที่เราไปจะมีฝนตกมั้ย ความชื้น ลมแรงแค่ไหน โชคดีช่วงที่เราไปเป็นหน้าหนาวไม่มีฝน แต่ก็ต้องลุ้นว่าลมจะแรงมั้ย  คือถ้าลมแรงมากก็อดเหมือนกัน เพราะถ้าลมแรงเกินไปมันก็จะพัดหมอกให้ฟุ้งกระจายไปคนละทิศละทาง แต่ถ้าลมนิ่งหน่อยเป็นเลขตัวเดียวนี่ก็มีลุ้น!

พอเช็คทุกอย่างเป็นที่น่าพอใจ ว่าถ้าเราไปก็ไม่น่าจะโดนพี่หมอกเท เหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา 😂
ก็แพ็คกระเป๋าออกเดินทาง ได้เที่ยวรถเวลา 09:00 กับพิษณุโลกยานยนต์  เบอร์โทร 02-9362924  
 จะถึงพิษณุโลกบ่าย​14:45  หรือถ้าใครอยากนั่งเครื่อง ก็สามารถนั่งเครื่องไปลงพิษณุโลก และเหมารถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ขับขึ้นเขาค้อก็ได้  แต่ครั้งนี้เราอยากได้ฟิวส์นั่งรถทัวร์หวานเย็น แอนด์เน้นราคาถูก😅 และอยากสัมผัสชีวิตวิถีไบเกอร์ดูซะหน่อยมันจะเป็นยังไง 
พอก้าวเท้าลงจากรถที่ บ.ข.ส เก่าจ.พิษณุโลก เราก็พุ่งไปที่ร้านเช่ารถของจ่าเอก ซึ่งอยู่แถวๆนั้นพอดี 
ซึ่งแกจะมีอยู่หลายสาขา ทั่วเขาค้อ และพิษณุโลก เบอร์โทร 055302899 สนนราคาก็ตกวันละ500 บาท
(ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นของรถ) ระยะทางก็ประมาณ 135 กม. ใช้เวลา​2ชั่วโมงหน่อยๆใช้บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตมัดจำได้เลย ทางร้านจะเติมน้ำมันให้เราเต็มถัง แล้ววันคืนรถเราก็ต้องเติมให้เต็มถัง วันกลับมาส่งที่ร้าน
                                            หน้าตารถที่เช่าก็ประมาณนี้ ​honda pcx  สีแดงแปร๊สสส
ขอแนะนำอีกอย่างนึงที่จะลืมไม่ได้คือผ้าปิดหน้านะ​ฮะ ไม่งั้นมีหวังหน้าไหม้ ไฝฝ้าแวะมาหาแน่นอน
และกันหน้าชาเวลาเราขับรถท้าปะทะกับลม  จริงๆเค้าก็มีหมวกกันน็อคแบบปิดหมดให้เราเลือก แต่เราไม่เลือก555555 ชอบแบบนี้ถึงใจไม่อึดอัดดี ระหว่างทางก็ขับกินลมชมวิวไปเลื่อย เห็นร้านกาแฟร้านไหนวิวดีๆก็แวะชิมแชะตามประสา

แล้วก็มุ่งหน้าไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่วัดผาซ่อนแก้ว เป็นแห่งแรกเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับการเดินทางในทริปนี้ 
ผนังทางเดินที่ประดับกระจกกระเบื้อง บริเวณทางเดินขึ้นเจดีย์ เป็นฝีมือของพวกเราเอง เมื่อ6-7ปีที่แล้ว
จะบอกว่าเราเป็นเด็กวัดที่นี่มาก่อนตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้ว  ตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักและโด่งดังอย่างทุกวันนี้ ก่อนที่จะมีการสร้าง พระพุทธเจ้าห้าพระองค์อยู่หลายปี สมัยก่อนจะรู้จักกันเฉพาะลูกศิษย์ลูกหาสายปฏิบัตร เราจะมีกลุ่มที่ชอบชวนกันเดินสายทำบุญและภาวนาที่นั่นที่นี่  แนะนำกันมาจนได้มาเป็นลูกศิษย์ลูกหาของพระอาจารย์ปารมี และพระอาจารย์อำนาจตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  เพราะเมื่อก่อนจะมีเจ้าภาพใจบุญเหมารถตู้ให้ฟรีๆจากกรุงเทพมาที่วัดเพื่อจัดผ้าป่ามาสร้างวัดกันทุกอาทิตย์   ใครสนใจก็ลงชื่อจองไว้เพื่อมาร่วมบุญทั้งแรงกายแรงใจ ขนหินขนทรายเทปูน กันสนุกสนานมาก 

และครั้งหนึ่งที่จะไม่มีวันลืมเลยคือ วันที่มีพิธีอัญเชิญพระเนตรไปประดิษฐาน บนองค์พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ซึ่งหลวงพ่อเมตตาให้พวกเราทุกคนที่เป็นผู้ชายได้ช่วยกันนำพระเนตรขึ้นไปประดิษฐานด้านบน รู้สึกปิติในบุญกุศลครั้งนี้มากๆ ที่ยังจดจำไม่มีวันลืม 



พอขึ้นไปถึงจะสูงและหวาดเสียวแค่ไหนพวกเราก็ลืมความกลัวไปเลย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่มีบุญได้มาร่วมงานครั้งนี้ เพราะงานครั้งนี้ไม่ใช่จะมาได้ง่ายๆ  จำได้ว่าตอนนั้นถ้ามีงานแต่งหน้าเข้ามา แพงแค่ไหนก็จะไม่รับ เพราะตั้งใจมามากๆ

ในส่วนของการตกแต่งผนังวัด พระอาจารย์จะมีแบบคร่าวๆมาให้ดู แต่ก็ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมออกแบบด้วยกัน ในการแปะกระเบื้อง หลังจากนั้นท่านก็จะมาช่วยดูแลความเรียบร้อยอีกที เพื่อไม่ให้หลุดไปจากแพทเทิร์นที่พระอาจารย์ได้วางไว้ 

แวะเล่าเรื่องสมัยเป็นเด็กวัดไปซะนาน!!! 
กลับมาเรื่องเที่ยวกันต่อ หลังจากที่ไปไหว้พระสบายใจกันแล้ว ก็มุ่งหน้าไปหาที่พักที่ได้ลองหาข้อมูลไว้ เน้นราคาถูกไม่เกินพัน รอบนี้อยากนอนกระท่อมไม้ไผ่แบบบ้านๆ แต่ที่สำคัญต้องมีไฟฟ้าที่ชาร์ทแบตชาร์ทกล้องให้เราได้ ราคาแค่500บาท แต่เป็นห้องน้ำรวมสะอาดใช้ได้
เสียดายจำชื่อไม่ได้ และไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะไปถึงที่พักก็มืดแล้ว บวกกับตอนเช้าก็ต้องรีบตื่นออกมาตั้งแต่ตี4กว่าๆเพื่อที่จะมาให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นที่เขาตะเคียนโง๊ะ  ระยะทางจากที่พักซึ่งอยู่หลังจุดชมวิวเขาค้อก็ประมาณ 25 กม. ไปยังถนนหมายเลข 2258ประมาณ​​25 กม.  จะถึงทางสี่แยกรื่นฤดี ให้เลี้ยวขวาไปทางพระตำหนักเขาค้อ ประมาณ​6กม. ผ่านภูแม่ย่า ผ่านเกษตรที่สูง ผ่านวัดไชยชุมพลขับตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นป้ายจุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ มีทางเล็กๆขึ้นไปยังจุดชมวิวเส้นทางเป็นทางราดยางไปจนถึงจุดชมวิว รถทุกชนิดสัญจรได้ 

ระหว่างทางก็แวะจอดถ่ายรูปหมอกฟุ้งๆตรงแยกรื่นฤดีไว้เป็นที่ระลึกนิดนึง ถ้ามีหมอกฟุ้งๆแบบนี้ก็เป็นอันหวังได้ว่า ถ้าเราขึ้นไปจุดที่สูงกว่านี้ แล้วมองลงมาก็จะเห็นทะเลหมอกแน่นอน

พอไปถึงเราก็รีบหาทำเล จุดที่พระอาทิตย์จะขึ้น ที่เริ่มมีแสงสีเหลืองอ่อนๆค่อยโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ อย่างอิ่มเอมใจ ทุกวินาทีมีค่ามากๆ แสงและสีค่อยๆเปลี่ยน มีสีที่หลากหลาย ทั้งทอง ส้ม ชมพู ม่วง น้ำเงิน ตระการตาคุ้มค่ากับที่เราอุตส่าห์ดั้นด้นมา

พอความสว่างเริ่มคลืบคลานเข้ามา ก็ทำให้เห็นทะเลหมอกที่ปกคลุมผืนป่า และหมู่บ้านที่อยู่ด้านล่างงดงามแบบแทบละสายตาไม่ได้จริงๆ เป็นช่วงเวลาดีๆที่ได้มาเก็บเกี่ยวความสุข จากธรรมชาติที่มอบให้เรา

บางที่แค่ได้นั่งนิ่งๆดูฟ้าเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ  อยู่กับปัจจุบันขณะตรงนั้น ดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติที่แต่งแต้ม ผืนป่าในแต่ละวินาที ก็คุ้มค่าแล้ว 





                                        
จากจุดชมวิวยอดเขาตะเคียนโง๊ะ สามารถมองเห็นวิวเขาอันสวยงาม ที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเขาปู่ เขาย่า ที่มีรูปทรงคล้ายภูเขาไฟฟูจิ รวมถึงผืนป่าของเขาค้อ และเส้นทางถนนที่ทอดยาวมายังจุดชมวิวเบื้องล่าง
จุดชมวิว​360องศา บนยอดเขาตะเคียนโง๊ะ เสียค่าบำรุงรักษาคนละ10บาท (กรณีไม่ได้นอนค้างคืน)ไม่มีที่พักบนเขาตะเคียนโง๊ะ มีเพียงเต้นท์ให้บริการหลังละ450บาท พักได้2-3คน หากนำเต้นท์มาเอง คิดค่าพื้นที่กางเต้นท์คนละ100 บาท มีบริการห้องสุขา​3ห้อง และห้องอาบน้ำ1ห้อง ไม่มีร้านอาหารควรเตรียมมาเอง แต่ในช่วงเช้ามีน้ำร้อน กาแฟ โอวัลติน มาม่า จำหน่าย ติดต่อสอบถาม โทร 087-075 2468 ,098 746-3863,063-995-9822 
"การเดินทาง"
จากบริเวณเขาค้อ ไปยังถนนหมายเลข2258 ประมาณ​25​กิโลเมตร จะถึงทางสี่แยกรื่นฤดี ให้ตรงไปทางพระตำหนักเขาค้อ ประมาณ6กิโลเมตร ผ่านภูแม่ย่าผ่านเกษตรที่สูง ผ่านวัดไชยชุมพล ขับตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นป้ายจุดชมวิวเส้นทางเป็นทางลาดยางไปจนถึงจุดชมวิว รถทุกชนิดสัญจรได้


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เดินชมตึกเก่า สไตล์ฝรั่งเศส ที่บ้านท่าแร่

ย้อนรอย ชมเมืองเก่าลาว-มอญ ปักธงชัย

พิชิต"มุลาอิ"ขุนเขาแห่งศรัทธา