ย้อนเวลา เดินเล่น ตลาดโบราณหัวตะเข้-หลวงแพ่ง

"ตลาดหัวตะเข้
ตลาดโบราณแห่งนี้มีเสน่ห์ดึงดูดใจ ให้ใครหลายๆคน ต้องแวะมาเยี่ยมเยือน ย้อนอดีตกันที่ ตลาดแห่งนี้กันอยู่ไม่ขาดสาย ถึงจะไม่คึกคักเหมือนในอดีต แต่ภาพห้องแถวบ้านไม้เก่าๆริมคลอง ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว มีเรื่องราวในอดีตมากมายให้เราได้มาเก็บเกี่ยวความสุขจากชุมชนทั้งสองแห่งนี้ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งสองฝั่งคลอง ความสงบ เรียบง่าย ก็ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย แค่ได้มานั่งนิ่งๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ปล่อยวางทุกสิ่งให้ดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ
หลายๆร้านจะจัดดอกไม้ไว้สวยงาม


ก่อนอื่นต้องขอพูดถึง"คลองประเวศบุรีรมย์" กันก่อน โดยคลองแห่งนี้เป็นลำคลองสายหลัก ที่ใหญ่และยาวที่สุดของเขตลาดกระบัง รัชกาลที่5 โปรดเกล้าให้ขุดขึ้นในปี 2421 โดยขุดต่อจากคลองพระโขนง ยาวตรงถึงแม่น้ำบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา ความยาวรวม 46 กิโลเมตร และต่อมายังได้ขุดคลองแยกจากคลองประเวศบุรีรมย์อีกสี่คลอง คือคลองหนึ่ง คลองสอง คลองสาม คลองสี่ 


ทางเดินภายในตลาด
แกลลอรี่โชว์ผลงานศิลปะ

สำหรับตลาด"หัวตะเข้"ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตลาดกระบังของกรุงเทพฯ ที่นี่เป็นตลาดโบราณริมน้ำอายุ 100 กว่าปีมีบรรยากาศของเรือนไม้ห้องแถวเรียงราย อยู่ริมสองฟากฝั่งคลองประเวศบุรีรมย์ เหตุที่ชื่อว่า​"หัวตะเข้"ก็เพราะแต่ก่อนนี้ มีจระเข้ชุกชุม ตลาดแห่งนี้ก็เหมือนตลาดโบราณหลายๆแห่ง ที่เคยมีร้านรวงคึกคักมีชีวิตชีวาเคยมีร้านค้ามากกว่าร้อยห้อง แต่เดี๋ยวนี้ก็เริ่มซบเซาตามกาลเวลา
ชาวบ้านยังคงใช้เรือเพื่อเดินทางสัญจรไปมา

และตลาดแห่งนี้ ยังเป็นสถานที่จอดเรือซื้อขายขนถ่ายสินค้า เนื่องจากแต่ก่อนยังใช้ลำคลองเป็นเส้นทางสัญจรหลัก การค้าขายและวิถีชีวิตต่างๆจึงเกิดขึ้นริมคลอง แต่เมื่อมีการตัดถนนเดินทางด้วยรถยนต์แล้วตลาดริมน้ำจึงค่อยๆซบเซา และล้มหายตายจากไปบ้าง แม้จะมีการอนุรักษ์และฟื้นฟูขึ้นมาอีกแต่ก็ยังไม่เต็มร้อยนัก 

สิ่งที่มีเสน่ห์และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัสชีวิตริมคลองแห่งนี้คือ จะมีผลงานศิลปะของเหล่านิสิตนักศึกษา และศิลปินชื่อดังหลายๆท่านที่จัดแสดงโชว์ผลงาน และมีบางส่วนไว้จำหน่ายภายในสตูดิโอห้องแถวเล็กๆอยู่หลายห้อง นักท่องเที่ยวสามารถจับจ่ายซื้อขาย ติดไม้ติดมือกลับไปบ้านกันได้ ราคาก็ไม่แพง

ตลาดหัวตะเข้ ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความพยายามในการฟื้นฟูให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยได้รับความร่วมมือจากชาว"ชุมชนหลวงพจน์ท่านเลี่ยม" ที่พยายามหาจุดเด่นของสถานที่มาเป็นจุดขายได้อย่างน่าสนใจ


โดยใกล้ๆกับตลาดหัวจะเข้ เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาหลายแห่งเช่น วิทยาลัยช่างศิลป์ลาดกระบัง ที่เปิดสอนมาตั้งแต่ปี 2521 รวมทั้งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เรียกได้ว่าเป็นสถานศึกษาที่อยู่คู่กับชุมชนมาแต่ไหนแต่ไร 



โดยที่ตลาดหัวตะเข้นี้ จะมี"ตลาดนัดศิลปะ"ที่จะจัดขึ้นทุกวันเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือน และบริเวณทางเดินก็จะมีผลงานศิลปะ และงานแฮนด์เมด ของน้องๆนักศึกษา และศิลปินมืออาชีพมาวางจำหน่ายอยู่ตลอดทางเดิน เป็นที่เพลิดเพลิน จำเริญใจ และมีเสน่ห์มากๆ 
เก้าอี้นักเรียนเก่าๆก็ทำให้หวนนึกถึงความสุข สดใส ครั้งวัยเรียนจนอดอมยิ้มในใจไม่ได้


นอกจากงานศิลปะแล้ว ที่นี่ยังมีร้านกาแฟ ร้านอาหารอร่อยๆ ของชุมชน ให้นักท่องเที่ยวได้ชิมไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว ผัดไท หอยทอด และขนมโบราณอีกมากมายให้เราได้แวะชิมตลอดทาง

และที่นี่ยังมีร้านรวงเก่าแก่ที่ยังเปิดให้บริการ ทั้งร้านขายเครื่องเขียน ร้านขายของชำ และขายของที่ระลึกเก่าๆ ก็ทำให้เราหวนนึกถึงภาพในอดีต ช่วงวัยเด็กที่มีของเล่นมากมาย อยู่ในความทรงจำมิรู้ลืม
 สำหรับการเดินทางมาชุมชนหัวตะเข้ สามารถเข้าทางซอยลาดกระบัง 17 หากขับรถยนต์ส่วนตัว หรือใช้บริการรถแท็กซี่ เพื่อเข้าสู่ถนนลาดกระบัง ขับตรงมาเรื่อยๆ เมื่อใกล้ถึงตลาดสดอุดมผล จะเจอสะพานข้ามคลองไม่ต้องข้ามสะพาน ให้เลียบซ้ายจะเจอซอยลาดกระบัง 17 ขับตรงไปจนสุดทาง ก็จะเจอที่รับฝากรถ จากนั้นเดินไปนิดเดียวก็จะเจอสะพานข้ามไปยังชุมชนหัวตะเข้  บนสะพานมองเห็นทิวทัศน์ของบ้านไม้เก่าแก่หลังคาสังกะสีที่เรียงรายอยู่ริมคลองประเวศบุรีรมย์
หรือใครอยากเดินทางแบบชิลๆ สามารถนั่งรถไฟจากสถานีหัวลำโพงสายกรุงเทพฯ-หัวตะเข้ (บริการฟรี) โดยรอบเดินรถจะมีทุกๆชั่วโมง ขบวนแรกเริ่มตั้งแต่ตี4:15 นาทีส่วนขบวนสุดท้ายจะสิ้นสุดที่เวลา 18.25 น.มุ่งหน้าไปยังสถานีหัวตะเข้ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงสำคัญอย่างได้ชมวิวทิวทัศน์ระหว่างทางอีกด้วย
https://maps.app.goo.gl/uJKBMtDk6rgyZGGA6
จากตลาดหัวตะเข้ หากนั่งเรือล่องคลองประเวศฯ มาทางทิศตะวันออกราว 8 กิโลเมตร ก็จะมาถึง

"ตลาดหลวงแพ่ง"
ตลาดเก่าแห่งที่สองที่เราได้มาเยี่ยมเยือนในครั้งนี้ ซึ่งก็มาบ่อยมาก ตลาดแห่งนี้ แม้จะอยู่ริมคลองประเวศ แต่ตลาดหลวงแพ่งกลับได้ชื่อตาม"คลองหลวงแพ่ง"คลองขุดที่ตัดขวางมาบรรจบ เป็นสามแยกที่คลองประเวศ เนื่องจากตลาดตั้งอยู่บริเวณสามแยกปากคลองหลวงแพ่ง 
จึงได้ชื่อว่าตลาดหลวงแพ่ง ไม่มีหลักฐานแน่ชัดแต่สันนิษฐานว่า หลวงแพ่งคือผู้ดำเนินการขุดคลองนั่นเองนอกจากนั้นคลองหลวงแพ่งยังเป็นเส้นแบ่งระหว่างกรุงเทพกับฉะเชิงเทราอีกด้วย

(ทางเข้าตลาดก็เรียบง่ายแต่ก็น่ารักเป็นกันเองมาก)


สะพานไม้ข้ามคลองหลวงแพ่ง


ตลาดหลวงแพ่งแห่งนี้ อาจจะไม่ใหญ่และคึกคักเท่าตลาดหัวตะเข้ เพราะเพิ่งเริ่มฟื้นฟูกันได้ไม่นาน
 แต่ก็แฝงไว้ด้วยเสน่ห์ ด้วยความสงบเรียบง่าย ไม่ต้องปรุงแต่งเยอะ  เหมาะกับใครที่อยากหามุมสงบๆ ไม่ต้องสุงสิงกับใคร ปล่อยวางเรื่องเครียดๆทั้งในชีวิตและการทำงาน มานั่งโง่ๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
ของเล่นของใช้ในอดีตในความทรงจำของใครหลายๆคน

หลังจากที่เดินเล่นมาสักพักเกือบสุดทางก็สะดุดตากับร้านนี้ dodoblahblah ที่มีเบาะนั่งให้ได้พักผ่อนหย่อนขา ชมวิถีชีวิตริมคลองของพี่น้องในชุมชนแห่งนี้ การตกแต่งร้านสไตล์มินิมอล น่ารักเข้ากับบรรยากาศริมคลอง

ที่สำคัญที่นี่ยังมีโรตีใส้ชิส และนมข้น ที่อร่อยมากๆ ตัดกับน้ำเสาวรสเปรี้บวๆสดชื่นสุดๆ
และยังมีร้านอาหาร ของชาวบ้านเช่นก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ขนมโบราณอีกมากมายหลายอย่าง



บริเวณทางเดินริมคลองตลาดหลวงแพ่ง


ร้านขายของที่ระลึก งานแฮนด์เมด เสื้อผ้า กระเป๋า เป็นผ้าฝ้ายทอมือ ของใช้อีกหลากหลายรูปแบบ หากใครมีเวลาว่าง อยากไปนั่งชิลๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพแนะนำสองที่นี้เลย แล้วคุณจะหลงรัก วิถีชุมชน ตลาดริมคลองแห่งนี้จนต้องกลับมาอีก อย่างแน่นอน

ตลาดหลวงแพ่งตั้งอยู่ริมคลองประเวศบุรีรมย์ ซอยหลวงแพ่ง5 ถนนหลวงแพ่ แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง
บริเวณนี้ จะอยู่ติดสามจังหวัดคือกรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ













 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เดินชมตึกเก่า สไตล์ฝรั่งเศส ที่บ้านท่าแร่

ย้อนรอย ชมเมืองเก่าลาว-มอญ ปักธงชัย

พิชิต"มุลาอิ"ขุนเขาแห่งศรัทธา